เอียน มาร์แชลล์ ชายผู้พา เลสเตอร์ บุกชนะ ลิเวอร์พูล ถึงบ้านเมื่อ 23 ปีก่อน
เอียน มาร์แชลล์ อดีตศูนย์หน้าร่างยักษ์ที่ค้าแข้งกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ระหว่างปี 1996 ถึง 2000 เล่าย้อนความหลังถึงช่วงชีวิตการค้าแข้งของเขากับ “จิ้งจอกสยาม”
มาร์แชลล์ เริ่มต้นค้าแข้งกับ เอฟเวอร์ตัน ก่อนย้ายไปร่วมทัพ โอลด์แฮม แอธเลติก และ อิปสวิช ทาวน์ และย้ายสู่ถิ่น ฟิลเบิร์ต สตรีท ในปี 1996 ด้วยค่าตัวเกือบ 900,000 ปอนด์ ก่อนลงสนามให้ทีมไป 99 เกมจากทุกรายการ พร้อมกับเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดแชมป์ลีก คัพ ในปี 2000
“ผมจำได้ว่าผมได้รับสายจาก เลสเตอร์ หลังบอลลีกเริ่มเปิดฤดูกาลได้ไม่นาน ตอนนั้นผมลงเล่นให้ อิปสวิช ในเกมลีก คัพ รอบแรกไปแล้ว และผมค่อยได้รับรู้ว่า เลสเตอร์ กำลังสนใจผม ผมได้พบกับ มาร์ติน โอนีล และเราก็ตกลงกันได้”
“จริง ๆ ผมก็มีความสุขกับ อิปสวิช ในตอนนั้นนะ แต่ความจริงคือ เลสเตอร์ กำลังเล่นในพรีเมียร์ลีก ดังนั้นผมตัดสินใจได้ไม่อยาก น่าเสียดายที่ผมลงเล่น ลีก คัพ รอบแรกไปแล้ว ทำให้ผมติดคัพไท และอดช่วยทีมตลอดทัวร์นาเมนต์ และอย่างที่เรารู้กันปีนั้น พวกเราได้แชมป์”
หนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของ มาร์แชลล์ กับ เลสเตอร์ คือเกมที่ ดาวเตะที่เล่นได้ทั้งกองหน้าและกองหลัง ซัดแฮตทริกใส่ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1997

เอียน มาร์แชลล์ ในเกมดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
“มันรู้สึกสุดยอดมาก เกมนั้นเราดูเป็นรองตามฟอร์ม เพราะเราขาดตัวหลักเพราะอาการป่วยหลายคน ผมเองก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย แต่การยิงสามลูกได้ใน 21 นาที ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น มันมหัศจรรย์มาก โดยเฉพาะการยิงใส่ทีมบ้านใกล้เรือนเคียงเช่นนี้”
ฤดูกาลต่อมา มาร์แชลล์ ยิงประตูชัยในนาทีสุดท้ายใส่ ลิเวอร์พูล ทีมรักในวัยเด็กของเขาได้ที่ แอนฟิลด์ จนช่วยให้ เลสเตอร์ บุกไปชนะ “หงส์แดง” 1-0 ในวันที่ 21 เมษายน 1999
“การยิงประตูใน แอนฟิลด์ คือความฝันของผมมาตลอด ตอนผมเป็นเด็ก ผมฝันเสมอที่อยากจะยิงประตูต่อหน้าสแตนด์ฝั่ง เดอะ ค็อป แต่ในฝันนี่ ผมใส่เสื้อลิเวอร์พูลนะ (หัวเราะ) แต่การได้ยิงใส่ทีมรักในวัยเด็ก มันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน”
“ผมยิงประตูชัยให้ เลสเตอร์ ต่อหน้า เดอะ ค็อป ในนาทีสุดท้ายคือความทรงจำที่สวยงามมาก มันตลกตรงที่ว่าเพื่อนสนิทของผม 3-4 คนนั่งอยู่บนอัฒจันทร์นั่นแหละ ผมรู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขานั่งอยู่โซนไหน พวกเพื่อน ๆ บอกกับผมว่าถ้าผมยิงได้ ผมโดนดีแน่ และทันทีที่บอลเข้าประตูไป ผมวิ่งไปฉลองต่อหน้าพวกเขาเลย ผมตลกมาก”
“ผมเองก็ยิงใส่ เอฟเวอร์ตัน ต้นสังกัดแรกของผมได้หลายครั้ง ผมจำได้ดีคือสองเกมที่ผมยิงตีเสมอ 1-1 ให้กับ เลสเตอร์ นั่นแหละ ตอนผลอยู่กับ โอลด์แฮม ผมก็ยิงใส่พวกเขาได้อีก ผมคิดว่าผมชอบที่จะเล่นใน กูดิสัน พาร์ค เลยนะ”
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น มาร์แชลล์ มีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง จนทำให้เขาไม่ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องกับทีม

ขวัญใจแฟนบอล เลสเตอร์ ซิตี้
“สิ่งที่ผมบอกได้ก็คือว่า สมัยนี้นักเตะดูแลตัวเองดีกว่าสมัยก่อนเยอะ เช่นเดียวกับโค้ชและนักกายภาพที่มีความรู้มากกว่าเดิม ตอนผมยังค้าแข้ง ผมเป็นคนสูง และผมต้องเล่นกับสนามหญ้าแบบพลาสติกกับ โอลด์แฮม อยู่หลายปี และนั่นทำให้กระดูกผมมีปัญหา”
“ผมเจ็บสะโพก, เข่า และ หลัง บ่อยครั้ง ตอนนั้น ไม่มีค่อยมีใครดูแลนักฟุตบอลดีแบบวันนี้หรอก ช่วงพรีซีซั่นทุกคนต้องซ้อมหนัก และซ้อมให้เหมือนกันหมด โค้ชไม่สนใจว่าคุณจะอายุ 33 ปี หรือ 18 ปี คุณต้องวิ่งระยะทางเท่ากัน แต่ตอนนี้ นักฟุตบอลมีโปรแกรมฝึกซ้อมที่ต่างออกไป และมันทำให้คุณเล่นได้นานขึ้น”
แม้จะมีอาการเจ็บ และลงเล่นน้อยลง แต่ มาร์แชลล์ ก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดแชมป์ลีก คัพ ในปี 2000 โดยในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เขาเป็นคนยิงประตูจุดประกายความหวังให้ เลสเตอร์ ตีไข่แตก ฟูแล่ม ในนาทีที่ 85 หลังทีมตามหลัง 0-2 ก่อนที่ สตีฟ วอลซ์ จะยิงตีเสมอในสองนาที ขณะที่ในช่วงต่อเวลา “เจ้าสัวน้อย” แซงขึ้นนำอีกครั้ง 3-2 แต่ มาร์แชลล์ ก็มาตามตีเสมอให้ทีมได้อีก ก่อนที่สุดท้าย “จิ้งจอกสยาม” จะดวลจุดโทษชนะเข้ารอบไปได้
“ผมจำได้ว่าเราตามหลัง ฟูแล่ม 0-2 แต่เราก็ช่วยกันตามตีเสมอได้ เราเหนื่อยกันมากตลอด 120 นาที ผมเล่นเต็ม 120 นาทีเลยแหละ โชคดีที่เราเข้ารอบได้โดยที่ผมไม่ต้องยิงจุดโทษตัดสิน และสุดท้ายเราก็ผ่านเข้าไปคว้าแชมป์ได้ โดยที่ผมมีส่วนร่วมกับเขาสักที” มาร์แชลล์ ปิดท้าย
หลังจากได้แชมป์ มาร์แชลล์ ย้ายไปอยู่กับ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส และ แบล็คพูล ก่อนที่จะตัดสินใจแขวนสต๊ดในปี 2002 ด้วยวัย 36 ปี