แฮมมอนด์ รำลึกสองฤดูกาลสุดมหัศจรรย์ของ จิ้งจอกสยาม

ดีน แฮมมอนด์ อดีตกองกลาง เลสเตอร์ ซิตี้ เล่าย้อนประสบการณ์ค้าแข้งกับ “จิ้งจอกสยาม” ในระหว่างปี 2013 ถึง 2017

แฮมมอนด์ ย้ายจาก เซาธ์แฮมป์ตัน มาสู่ถิ่น “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” ในเดือนสิงหาคม ปี 2013 ก่อนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาล 2013/14 และมีส่วนร่วมกับการรอดตายแบบมหัศจรรย์ในซีซั่นต่อมา

“ก่อนจะย้ายมา ผมคิดเสมอว่าผมอยากเล่นให้ เลสเตอร์ ผมรู้ว่าที่นี่คือสโมสรที่ทะเยอทะยาน มีเจ้าของที่ยอดเยี่ยม ผมได้คุยกับ ไนเจล เพียร์สัน (ผู้จัดการทีมในตอนนั้น) และผมไม่คิดมากเลยที่จะย้ายมาที่นี่ เพราะผมรู้ว่าสโมสรแห่งนี้มีอนาคตที่ยาวไกล”

“มันเป็นฤดูกาลที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเรา เราได้แชมป์ลีก ได้เลื่อนชั้น เรามีกลุ่มนักเตะพรสวรรค์ มีแข้งที่กระหายที่จะคว้าแชมป์ มีดาวรุ่ง มีตัวเก๋า ทุกอย่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัว”

“สปิริตทีมยอดเยี่ยมมาก เป็นทีมที่กลมเกลียวที่สุดทีมหนึ่งที่ผมเคยร่วมทีมด้วย ทุกคนเป็นกันเองสุด ๆ และก็มีความสนุกตลอดเวลา แต่ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนกระหายและทุ่มเทเพื่อทีม มันสุดยอดจริง ๆ”

“ไนเจล ก็เป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม ผมบอกได้ว่าเขาเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในชีวิตผม เขาจัดการคนเก่งมาก เขาทำให้ทีมเป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจากนี้เจ้าของทีมก็สุดยอด พวกเขายอดเยี่ยมมาก พวกเขาสุดยอดจริง ๆ”

“ผู้เล่นในทีมอย่าง เจมี่ วาร์ดี้, เวส มอร์แกน และ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เป็นเหมือนตัวเชื่อมทุกคนเข้าด้วยกัน พวกเขาคือตำนานของที่นี่ พวกเขาพาทีมเลื่อนชั้น รอดตาย แล้วไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก พร้อมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ผมดีใจกับพวกเขามาก เพราะพวกเขาเป็นคนดีจริง ๆ”

“สำหรับผมแล้ว เมื่อผมมองย้อนกลับไป ผมลงเล่นกับ ไบรท์ตัน ใน ลีก ทู และก่อนผมตาย ผมได้เล่นพรีเมียร์ลีก นี่คือความสำเร็จที่สุดแล้ว ผมจำฤดูกาลนั้นได้ดีเลย เราเริ่มต้นเกมแรกด้วยการเสมอ เอฟเวอร์ตัน ตามด้วยแบ่งแต้ม อาร์เซน่อล ก่อนอัด สโต๊ค ซิตี้”

“เรามีเกมเปิดบ้านแซงชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย วันนั้นเราตามหลัง 0-2 และ 1-3 ก่อนสุดท้ายเราชนะพวกเขา 5-3 ผมยังจำภาพของตัวเองในสนามได้เลย ผมจำได้ว่าแฟน ๆ ร้องเสียงดังที่สุดตอนเราตีเสมอได้ มันคือเสียงเชียร์ที่ดังที่สุดที่ผมเคยได้ยิน”

“ผมมีความสุขกับฤดูกาลนั้น ‘การหนีตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด’ The Great Escape ที่ทุกคนประทับใจ เรามีช่วงที่ยากลำบากหลายเดือน แต่เราไม่เคยแพ้ใครเกินสองประตูเลยนะ ทุกเกมเราแพ้แบบนิดเดียวจริง ๆ เราไม่ควรจะต้องมาหนีตกชั้นด้วยซ้ำ ผมเชื่อว่าเราชนะได้ทุกทีม”

“ปีนั้น ผมเจ็บ 4 ครั้ง ผมจำได้ดี โชคดีที่ผมกลับมาได้ในช่วง 9 เกมสุดท้ายที่เราสร้างประวัตศาสตร์ด้วยกัน ผมดีใจที่เราทำได้สำเร็จ”

“ผู้เล่นหลายคนในชุดนั้นก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลต่อมา พวกเขาสุดยอดจริง ๆ ที่สำคัญคือเราเสริมทีมได้ยอดเยี่ยม เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เข้ามาเติมเต็มแดนกลาง ส่วน ริยาด มาห์เรซ ก็เค้นฟอร์มหัศจรรย์ออกมาได้ ขณะที่ เจมี่ วาร์ดี้ ก็สุดยอดอยู่แล้ว”

“แต่ผมคิดว่าแผงแบ็กโฟร์ของเราได้เครดิตน้อยเกินไป ทั้ง แดนนี่ ซิมป์สัน, เวส มอร์แกน, โรเบิร์ต ฮูธ และ คริสเตียน ฟุคส์ รวมไปถึงจอมขยันอย่าง มาร์ค อัลไบรท์ตัน ด้วย ทว่าทุกคนในทีมก็ยอดเยี่ยมทั้งหมด พวกเขาคือกลุ่มก้อนเดียวกัน”

สาเหตุที่ แฮมมอนด์ ใช้คำว่า “พวกเขา” แทนที่จะเป็น “พวกเรา” ก็เป็นเพราะว่าในฤดูกาลที่ เลสเตอร์ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกนั้น แฮมมอนด์ ถูกปล่อมยืมตัวไปเล่นกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในเดือนตุลาคม

“มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากจริง ๆ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมขออยู่กับ เลสเตอร์ ชุดแชมป์ลีกเทพนิยายดีกว่าไปที่ เชฟฟิลด์ แต่ก็นั่นแหละ นี่คือชีวิต เรามีขึ้นมีลงเสมอ และเรื่องของผมกับ เลสเตอร์ ก็จบลงที่ตรงนั้น”

หลังจากนั้น แฮมมอนด์ ย้ายไปอยู่กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แบบถาวร ก่อนตัดสินใจแขวนสตั๊ด หลังร่วมทัพ “ดาบคู่” ได้ปีเดียว และกลับมาช่วยงานโค้ชให้กับทีมชุดต่ำกว่า 23 ปีของ เลสเตอร์ สั้น ๆ ในปี 2017 ถึง 2018 แต่หลังจากนั้น เด็กปั้นของไบรท์ตัน ก็ไม่ได้ทำงานในวงการฟุตบอลจนถึงปัจจุบัน