เจมี่ วาร์ดี้ ยอดดาวยิงแห่งเลสเตอร์ ซิตี้
เจมี่ วาร์ดี้ ทำประตูเกิน 10 ลูกให้กับเลสเตอร์ ซิตี้มา 4 ฤดูกาลติดต่อกัน และทำให้เขายิงให้กับทีมไปแล้วเกินกว่า 100 ประตู
หลังจากทำประตูใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดเปิดฤดูกาล วาร์ดี้ ยิงอีก 18 ประตู ซึ่งรวมถึงนัดที่ยิงใส่ เชลซี , เอฟเวอร์ตัน และ อาร์เซน่อล และทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนเมษายนที่ผ่านมา
หลังจากติดตามเรื่องราวของริคาร์โด้ เปเรยร่า , วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ และ เจมส์ แมดดิสันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงคิวของ วาร์ดี้ กันบ้าง
หนึ่งในดาวยิงที่ดีที่สุดในอังกฤษ
จำนวนประตู : 18 (อันดับ 5 ในพรีเมียร์ลีก , อันดับ 1 ของเลสเตอร์ ซิตี้)
วาร์ดี้ ทำไป 18 ประตู ตลอดฤดูกาล 2018-2019 และทำให้เขาอยู่ในอันดับ 5 ของตารางดาวซัลโว เป็นรองเพียงดาวยิงอย่างปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง (อาร์เซน่อล) , โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล) ที่ทำไป 22 ประตูเท่ากัน และ แซร์คิโอ อเกวโร่ ของแมนฯซิตี้ ที่ทำไป 21 ประตู
เขาเป็นดาวยิงชาวอังกฤษที่ทำประตูได้มากที่สุดของฤดูกาลที่แล้ว ส่วนแฮร์รี่ เคน จาก สเปอร์ส ทำได้เพียง 17 ประตู
ดาวยิงตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก
จำนวนประตูในพรีเมียร์ลีก : 80 (อันดับ 47 ของพรีเมียร์ลีก , อันดับ 1 ของเลสเตอร์ ซิตี้)
ดาวยิงที่บ้านเกิดอยู่ในเมืองเชฟฟิลด์ ทำประตูไป 80 ลูกจากการลงสนาม 176 นัด นับตั้งแต่ที่ประเดิมสนามเมื่อปี 2014
ริยาด มาห์เรซ ทำได้ 39 ประตู ขณะที่ เอมิล เฮสกีย์ และ มุสซี่ อิสเซ็ตต์ ตำนานของทีม เคยทำเอาไว้ 33 ประตู
มีเพียงฤดูกาลเดียวที่เขาทำได้เพียง 5 ประตู คือเมื่อซีซั่น 2014-2015 นอกจากนั้นเขายิงประตูเกิน 10 ลูกทุกฤดูกาลมาตลอด 4 ฤดูกาลหลังสุด
ธรรมชาติแห่งผู้ชนะ
คว้าชัยชนะในพรีเมียร์ลีก : 68 นัด (อันดับ 1 ของเลสเตอร์ ซิตี้)
จากการลงสนาม 176 นัด วาร์ดี้ อยู่ในเกมที่เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าชัยชนะได้ถึง 68 เกม (เท่ากับ มุสซี่ อิสเซ็ตต์) นับตั้งแต่ชัยชนะนัดแรกของเขาเมื่อเดือนกันยายน 2014 ในเกมกับ สโต๊ค ซิตี้
มีหลายเกมในความทรงจำแห่งชัยชนะของเขา ไม่ว่าจะเป็นเกมที่เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5-3 เมื่อปี 2014 หรือการทำประตูติดต่อกันถึง 11 นัด ในฤดูกาลที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือแฮตทริกใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาล 2016-2017
มีนักเตะเพียง 2 คน ที่ลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกมากกว่า วาร์ดี้ นั่นคือ อิสเซ็ตต์ (222 นัด) และ แม็ตต์ เอลเลียต (199 นัด) นั่นทำให้ วาร์ดี้ กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีความสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร