BIOGRAPHY
ตำนานผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษและหนึ่งเดียวจากสมาชิกชุดแชมป์ ฟุตบอลโลก 1966 ที่มาจากเลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City)
ชีวิตนักฟุตบอลของ กอร์ดอน แบงค์ส เริ่มต้นจากการไปชมเกมแล้วดันได้ลงเฝ้าเสาให้ทีมสมัครเล่นอย่าง มิลสปอห์ เอฟซี หลังผู้รักษาประตูตัวจริงไม่ได้มารายงานตัว หลังโค้ชรู้ว่าเขาเคยเล่นให้ทีม เชฟฟิลด์ สกูลบอยส์ มาก่อน
ระหว่างนั้น กอร์ดอน แบงค์ส (Gordon Banks) โชว์ฟอร์มเด่นจนได้ย้ายไปเล่นให้ทีมเยาวชนของ เชสเตอร์ฟิลด์ โดยหลังจากขึ้นทีมชุดใหญ่เพียงฤดูกาลเดียว ชีวิตค้าแข้งของ แบงค์ส พัฒนาแบบก้าวกระโดดจากระดับ ดิวิชั่น 3 (เดิม) ไปสู่ดิวิชั่น 1 (เดิม) ด้วยการเซ็นสัญญากับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 1959
แม้ต้องเจอกับการแข่งขันชิงตำแหน่งกับผู้รักษาประตูที่เหลืออีก 4 คน แต่ แบงค์ส จองตำแหน่งมือ 2 หลังเป็นตัวจริงให้ทีมสำรอง โดยได้โอกาสประเดิมสนามในช่วงที่มือ 1 เดฟ แม็คลาเรน บาดเจ็บ ก่อนยึดตัวจริงแบบไม่ปล่อยในเวลาต่อมา
หลังก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 แบบเต็มตัวตั้งแต่ซีซั่น 1960-61 แบงค์ส พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยไฮไลท์ประจำฤดูกาลเป็นการผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ซึ่ง แบงค์ส เก็บคลีนชีต 3 จาก 9 นัด ตลอดเส้นทาง และเสียเพียง 5 ประตูเท่านั้น แม้ว่าต้องอกหักเป็นเพียงรองแชมป์ในที่สุด
ฤดูกาล 1962-63 “เดอะ ฟ็อกช์ส” ลุ้นคว้าดับเบิ้ลแชมป์หลังเกาะอยู่หัวแถวบนตารางในลีกและผ่านเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ แต่กลายเป็นว่าชวดทั้งคู่ โดยในลีก แบงค์ส เจ็บนิ้วจนพลาด 3 เกมสุดท้ายทำให้ เลสเตอร์ หล่นไปจบที่ 4 ส่วนในบอลถ้วย พวกเขาฟอร์มหลุดก่อนแพ้ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) 1-3
ซีซั่นถัดมาเป็นช่วงเวลาที่ แบงค์ส ประสบความสำเร็จมากที่สุดกับ เลสเตอร์ หลังนำต้นสังกัดคว้าแชมป์ ลีก คัพ ด้วยการชนะ สโต๊ค ซิตี้ 4-3 จากผลรวม 2 นัด โดยนับเป็นแชมป์บอลถ้วยระดับเมเจอร์ใบแรกในประวัตัศาสตร์สโมสรด้วยในปีต่อมา ทว่าปราชัยต่อ เชลซี ด้วยประตูรวม 2-3
อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายฤดูกาล 1966-67 แบงค์ส โดนดร็อปเป็นตัวสำรองหลังพุ่งขึ้นมาของนายประตูดาวโรจน์อย่าง ปีเตอร์ ชิลตัล (Peter Shilton) ก่อนต้องระเห็จตัวเองไปร่วมทัพ สโต๊ค ซิตี้ และยึดตำแหน่งตัวจริงตามคาด
ในเสื้อ “ช่างปั้นหม้อ” สโต๊ค ซิตี้ (Stoke City) แบงค์ส นำทีมคว้าแชมป์ ลีก คัพ ในปี 1972 ซึ่งเป็นแชมป์ครั้งแรก และครั้งเดียวของสโมสรจนถึงทุกวันนี้ แต่กลับต้องจบชีวิตค้าแข้งในวัย 35 ปี ด้วยความโชคร้ายหลังประสบอุบัติเหตุรถชนทำให้สูญเสียการมองเห็นด้วยตาขวา
อย่างไรก็ดี ในปี 1977 แบงค์ส กลับมาลงสนามอีกครั้งหลังเป็นหนึ่งในดาวเตะชื่อดังที่ไปค้าแข้งใน สหรัฐฯ โดยเจ้าตัวเล่นให้ ฟอร์ท ลอเดอร์เดล สไตรเกอร์ส และคว้าแชมป์ นอร์ธ อเมริกัน ซอคเกอร์ ลีก ลีกรองเมืองมะกัน ด้วยก่อนอำลาสังเวียนแข้งในปีต่อมา
ในนามทีมชาติ แบงค์ส เฝ้าประตูเป็นนัดแรกด้วยวัย 26 ปี ก่อนยึดมือ 1 ถาวรนับแต่นั้น โดยจุดสูงสุดเกิดขึ้นใน ฟุตบอลโลก 1966 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ “สิงโตคำราม” ฝ่าด่านทั้ง อาร์เจนตินา, โปรตุเกส และเยอรมันตะวันตก ก่อนชูโทรฟี่แชมป์โลกในที่สุดตามด้วยการคว้าอันดับ 3 ใน ยูโร 1968
4 ปีต่อมา อังกฤษ เดินทางไปป้องกันแชมป์ เวิลด์ คัพ ในเม็กซิโก แม้ว่าไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่ แบงค์ส สร้างความทรงจำแก่แฟนบอลทั่วโลกด้วย “เซฟ ออฟ เดอะ เซนจูรี่” จากการพุ่งปัดลูกโหม่งของ เปเล่ ตำแหน่งแข้งทีมชาติบราซิล ที่กำลังจะเข้าประตูอยู่รอมร่ออย่างเหลือเชื่อ
ช่วงเวลา 9 ปีในการรับใช้ชาติ แบงค์ส เฝ้าเสาไปทั้งสิ้น 73 นัดพร้อมยึดครองสถิติไม่เสียประตูนานที่สุดตลอดกาลที่ 721 นาที และเขาได้รับการจดจำในฐานะผู้เล่นคนแรกที่เปิดประตูสู่ยุคทองของวงการผู้รักษาประตูชาวอังกฤษ