ปีเตอร์ ชิลตัน (Peter Shilton)

BIOGRAPHY

นายด่าน ผู้รักษาประตูเป็นตำแหน่งที่ยืนระยะเวลาค้าแข้งได้นานกว่าตำแหน่งอื่นๆ เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ ปีเตอร์ ชิลตัน (Peter Shilton) ถือว่าเป็นปรากฏการณ์เลยสำหรับอาชีพค้าแข้ง ของเขาที่กินเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ทศวรรษ

ชิลตัน เป็นอีกหนึ่งตำนานที่เป็นลูกหม้อตัวจริงของ เลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City) โดยมาเริ่มฝึกซ้อมกับสโมสรตั้งแต่อายุ 14 ปีและได้รับเสียงชื่นชมจากรุ่นพี่ในเวลานั้นอย่าง กอร์ดอน แบงค์ส (Gordon Banks) ถึงอนาคตค้าแข้งอันสดใส

2 ปีต่อมา ชิลตัน ลงประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ของ “เดอะ ฟ็อกซ์ส” เลสเตอร์ ซิตี้ และทำผลงานหน้าประทับใจอย่างต่อเนื่องจนบอร์ดบริหารตัดสินใจฝากอนาคตของเขาไว้กับ ชิลตัน ด้วยการปล่อย แบงค์ส ซึ่งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 ออกจากถิ่น ฟิลเบิร์ต สตรีท (Filbert Street)

นายด่านวัย 18 ปีขึ้นยึดตำแหน่งตัวจริงตามความคาดหมายในซีซั่น 1967-68 แถมสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการทำประตูจากการเตะบอลทิ้งจากการเตะบอลทิ้งจากหน้าประตูตัวเองในเกมถล่ม “นักบุญแดนใต้” เซาธ์แฮมป์ตัน (Southampton) 5-1

ฤดูกาลถัดมา แม้กระเด็นตกชั้นสู่ ดิวิชั่น 2 (เดิม) แต่ชิลตัน นำ เลสเตอร์ กรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ โดยเป็นหนึ่งในนายประตูอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยวัย 19 ปี ด้วยแต่ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อปราชัยต่อ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) 0-1 ซึ่งนับจากนั้นเขาไม่เคยเข้าไปเล่นในนัดชิงดำของรายการนี้อีกเลย

แม้ต้องหล่นไปเล่นในลีกรอง ทว่า ชิลตัน เลือกปักหลักกับสโมสรบ้านเกิดต่อไป และใช้เวลา 2 ปีช่วยให้ “เดอะ ฟ็อกซ์ส” ทะยานกลับมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งในฐานะแชมป์ ดิวิชั่น 2 (เดิม) ประจำซีซั่น 1970-70 พร้อมคว้าแชมป์ แชริตี้ ชีลด์ ปี 1971 หลังได้รับเชิญไปร่วมชิงชัยเป็นกรณีพิเศษ

ทว่าหลังร่วม 1 ทศวรรษในสีเสื้อ “เดอะ ฟ็อกซ์ส” ชิลตัน เลือกอำลาสโมสรเพื่อไปเฝ้าเสาให้ สโต๊ค ซิตี้ (Stoke City) ในปี 1974 ด้วยค่าตัวสถิติโลกสำหรับผู้รักษาประตูในเวลานั้นที่ 325,500 ปอนด์ แถมเกือบพา “ช่างปั้นหม้อ” คว้าแชมป์ลีกสูงสุด โดยตามหลัง ดาร์บี้ เพียง 4 แต้ม

ทว่าจากการที่ วิคตอเรีย กราวด์ (Victoria Ground Stadium) สนามเหย้าของ สโต๊ต ซิตี้ ในเวลานั้น ได้รับความเสียหายอันเป็นผลมาจากพายุในช่วงปี 1976 ทำให้ทางสโมสรต้องเสียเงินซ้อมแซมและจำเป็นต้องขายนักเตะออกไป โดยชิลตัน ย้ายไปสู่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) หลังเริ่มฤดูกาล 1977-78 เพียงเดือนเดียว

ในระยะเวลา 5 ปีในทัพ “เจ้าป่า” ชิลตัน เดินหน้ากวาดแชมป์มากมายไม่ว่าจะเป็นแชมป์ ดิวิชั่น 1 (เดิม), ลีก คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ (2 สมัย) ก่อนเลือกไปหาความท้าทายครั้งใหม่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในปี 1982 แล้วตามด้วย ดาร์บี้ เคาน์ตี้ (Derby County) หลังจากนั้น 5 ปี

ในช่วงสุดท้ายกับ “แกะเขาเหล็ก” ชิลตัน ในวัย 42 ปี เริ่มคิดถึงงานใหม่ในฐานะโค้ช ก่อนไปรับบทผู้เล่นผู้จัดการทีมกับ พลีมัธ โดยแม้ว่าหยุดเล่นเพื่อโฟกัสกับการเป็นกุนซือ แต่เจ้าตัวไม่ได้แขวนถุงมือ ก่อนมุ่งมั่นในการคืนสนามอีกครั้งในวัย 46 ปี โดยอำลา พลีมธไปเล่นกับ วิมเบิลดัน, โบลตัน, โคเวนทรี ซิตี้, เวสต์แฮม และ เลย์ตัน โอเรียนท์ ก่อนประกาศเลิกเล่นในวัย 47 ปีในที่สุด

"หัตถ์พระเจ้า" ของ ดีเอโก้ มาราโดน่า (Diego Maradona) ในเวิลด์ คัพ 1986

“หัตถ์พระเจ้า” ของ ดีเอโก้ มาราโดน่า (Diego Maradona) ในเวิลด์ คัพ 1986

ชีวิตค้าแข้งของ ชิลตัน ในทีมชาติเป็นที่จดจำมากกว่า เขาแย่งชิงมือ 1 กับ เรย์ คลีเมนซ์ ผู้รักษาประตูรุ่นราวคราวเดียวที่สร้างชื่อกับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) โดยประเดิมสนามตั้งแต่วัย 21 ปี โดยตลอดระยะเวลา 20 ปี เขาพบช่วงเวลาแห่งความทรงจำมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นการเป็นเหยื่อ “หัตถ์พระเจ้า” ของ ดีเอโก้ มาราโดน่า (Diego Maradona) ในเวิลด์ คัพ 1986

ชิลตัน เป็นเจ้าของสถิติรับใช้ทัพ “สิงโตคำราม” มากที่สุดตลอดกาลด้วยตัวเลข 125 นัด แต่หากรวมทุกรายการ เขาครองสถิตินักเตะที่ลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการมากที่สุดในโลกด้วยตัวเลข 1,390 นัดตลอดระยะเวลา 31 ปี