ย้อนเส้นทาง 4 ปีของ เจมส์ แมดดิสัน ในถิ่น “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม”
20 มิถุนายน 2018 เป็นวันที่ เจมส์ แมดดิสัน จรดปากกาเซ็นสัญญากับ เลสเตอร์ ซิตี้ และหลังจากนั้นเรื่องราวของเขากับทีม “จิ้งจอกสยาม” ถือว่าอยู่บนเส้นทางที่ประสบความสำเร็จไม่น้อย
เมื่อสี่ปีก่อน แมดดิสัน ในวัย 21 ปี เพิ่งยิง 15 ประตู ในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ให้กับ นอริช ซิตี้ จนทำให้หลายทีมในพรีเมียร์ลีกให้ความสนใจ แต่สุดท้ายเป็น เลสเตอร์ ที่ชนะใจ เพลย์เมคเกอร์ดาวรุ่ง ในตอนนั้นได้สำเร็จ
เกมแรกอย่างเป็นทางการของ แมดดิสัน กับ “จิ้งจอกสยาม” เกิดขึ้นในเกมพรีเมียร์ลีก นัดเปิดสนามในฤดูกาล 2018/19 โดยวันนั้น “แมดเดอร์ส” เล่นประมาณหนึ่งชั่วโมงในการดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด น่าเสียดายที่ เลสเตอร์ บุกไปแพ้ 1-2
เกมต่อมานั้น แมดดิสัน ได้ประเดิมลงเล่นต่อหน้าแฟน ๆ ใน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม พร้อมกับยิงประตูได้สำเร็จ โดยเหยื่อในเกมนั้นคือ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส หลังจากนั้น อดีตแข้งอเบอร์ดีน ยิงใส่ บอร์นมัธ และ ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ ได้สำเร็จอีกด้วย
ในเดือนธันวาคม ปี 2018 แมดดิสัน ยิงประตูสุดสวยที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต เมื่อ จอมทัพหมายเลข 10 รับลูกเปิดของ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ก่อนเดาะบอลหลอกกองหลัง วัตฟอร์ด หลายคน และยิงผ่าน เบน ฟอสเตอร์ เข้าไปอย่างงดงาม พร้อมกับจบซีซั่นแรกกับ “จิ้งจอกสยาม” ด้วยผลงาน 8 ประตู

ประตูแรกของ แมดดิสัน กับเลสเตอร์ ซิตี้
ฤดูกาลต่อมา เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เข้ามาคุมทัพแทน โคล้ด ปูแอล พร้อมกับทำให้ แมดดิสัน พัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดย แข้งทีมชาติอังกฤษ ช่วยให้ เลสเตอร์ สร้างสถิติชนะ 8 เกมรวด และเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 9-0 จนเป็นสถิติชนะเกมเยือนสูงที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก โดยเกมนั้น แมดดิสัน ทำประตูได้จากการยิงฟรีคิกใส่ทีมนักบุญด้วย
หลังจากเกมกับ “นักบุญ” สองสัปดาห์ แมดดิสัน ยิงประตูสุดสวยใส่ อาร์เซน่อล ในบ้านได้อีก พร้อมกับช่วยให้ทีมชนะ 2-0 และสุดท้ายในฤดูกาลนั้น เลสเตอร์ จบอันดับ 5 ของพรีเมียร์ลีก พร้อมได้สิทธิ์เล่นฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง
นอกจากนี้ ในปี 2019 นั้น แมดดิสัน ได้ประเดิมสนามกับทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก หลังถูกเปลี่ยนตัวลงไปในเกมที่ ทีมชาติอังกฤษ เปิดรังชนะ ทีมชาติมอนเตเนโกร 7-0 ที่สนาม เวมบลีย์ หลังจากนั้นฟุตบอลหยุดไปพักเพราะ โควิด-19 ก่อนที่จะต้องกลับมาเตะในสนามปิด
ซีซั่นต่อมา แมดดิสัน เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดบุกไปถล่ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงบ้าน 5-2 โดย โชว์ฟอร์มสุดยอด ยิงประตูสุดสวยเข้าไปจากนอกกรอบเขตโทษด้วย หลังจากนั้น แมดดิสัน ยิงสองลูกในบอลยุโรปใส่ บราก้า และ ซอร์ย่า ในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก

ทำประตู เซาธ์แฮมป์ตันในเกมสถิติพรีเมียร์ลีก
ช่วงปีใหม่ แมดดิสัน สร้างสถิติยิงได้ 4 เกมติดต่อกันใส่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, เซาธ์แฮมป์ตัน, เบรนฟอร์ด และ เชลซี ก่อนที่ เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่ง จะยิงใส่ ลิเวอร์พูล พร้อมพาทีมชนะ 3-1 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ได้อีก
แมดดิสัน เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดแชมป์ เอฟเอ คัพ 2021 ที่ชนะ เชลซี 1-0 และพา “จิ้งจอกสยาม” ได้แชมป์เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2021 ด้วยการชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 เท่ากับว่า ดาวเตะวัย 25 ปี ได้สองแชมป์กับทีมไปแล้ว
ในฤดูกาลที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีทองของ แมดดิสัน อย่างแท้จริง หลังตัวเขาซัดไป 18 ประตู พร้อมกับสร้างสถิติเป็นนักเตะคนแรกที่ทั้งยิงและแอสซิสต์ได้ขึ้นเลขสองหลักทั้งคู่ ตั้งแต่ ริยาด มาห์เรซ ทำได้ในปี 2016
นอกจากผลงานระดับเทพแล้ว ในซีซั่นที่ผ่านมา แมดดิสัน ยังฝากประตูสุดยอดไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการยิงไกลสุดสวยใส่ ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ หรือประตูในเกมยุโรปกับ แรนเดอร์ส เช่นเดียวกับ การซัดใส่ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น จนทำให้ทีมผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ได้
ด้วยผลงานทั้งหมด ทำให้ แมดดิสัน ได้รับการโหวตให้เป็น นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร จากการโหวตของแฟนบอล อีกด้วย